รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
คงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด ที่ต้องเป็นนักบุญและ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้ว เอาแต่วิ่งกลับไปกลับมา “ฉันเหรอ?” “ฉันไม่ใช่เหรอ?” “บางทีอาจารย์อาจจะล้อเล่นกับฉัน พรุ่งนี้ ท่านจะเอามันกลับคืน” ไม่เป็นไร คุณเป็นนักบุญ คุณแค่แตกต่าง สมมติว่าคุณไม่ได้บำเพ็ญ ธรรมวิถีกวนอิม และหากคุณ บำเพ็ญวิถีอื่น ๆ และระดับชั้นสูงสุดที่คุณไปได้ ก็คือระดับชั้นที่สาม แล้วคุณก็ไปทั่ว ระดับชั้นเลย และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย บนระดับชั้นที่สามนั้น สนุกมาก มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อลังการมากมาย มีเวทมนตร์มากมาย ผู้คนที่งดงาม ทรงพลัง [...]แต่เพราะคุณบำเพ็ญวิถีนี้ เราจึงไม่สนใจ ที่จะเจาะลึกไปยังแต่ละระดับชั้น เราแค่ตรงไปยัง ระดับชั้นที่ห้าเลย และหลังจากที่เรา ไปที่ระดับชั้นที่ห้าแล้ว เราก็สามารถลงมาดู ที่ไหนก็ได้ที่เราต้องการ มันดีกว่าการอยู่แต่บริเวณนั้น และไม่สามารถขึ้นไปได้เลย พวกคุณหลายคนอาจไม่รู้จัก ความงามอันน่ามหัศจรรย์ ของระดับชั้นที่สามหรือสี่ นั่นก็โอเคเช่นกัน หากคุณรู้ บางทีคุณอาจจะขึ้นไป และอยู่ที่นั่นเลย และไม่อยากออกไปไหน หรือไม่อยากแม้แต่จะไป ระดับที่ห้าเลยด้วยซ้ำ เพราะคุณคิดว่า “แค่นี้แหละ ฉันยังต้องการอะไรอีก?”แม้แต่คนที่อยู่ ระดับชั้นที่สอง พวกเขาก็คิดว่า “แค่นั้นแหละ ฉันต้องการอะไรอีก?” พวกเขาจึงออกไปเป็นครู พูดจาโอ้อวด และเอาชนะทุกคน ด้วยวาจาของพวกเขา แค่นั้น พวกเขา “รู้จักพระเจ้า” เพราะว่าสถานที่นั้น สว่างไสวมากแล้ว คุณลองจินตนาการ ถึงการจ้องมองพระอาทิตย์เที่ยงวัน ของเดือนมิถุนายนตลอดเวลาดูสิ? คุณทำไม่ได้ สว่างขนาดนั้นเลย และทั้งระดับชั้นก็สว่างแบบนั้น ไม่ใช่แค่จุดเดียว เหมือนพระอาทิตย์ด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อคุณอยู่ใน ดินแดนแบบนั้น คุณคงจะคิดว่า “โอ้พระเจ้า นี่คือพระเจ้า” และคุณรู้สึกว่า คุณเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า คุณรู้สึกว่าคุณเป็นหนึ่งเดียว กับความสว่างไสวนั้น แล้วคุณก็คิดว่าคุณเป็นพระเจ้า และคุณพัฒนาทัศนคติ ที่หยิ่งยะโส ราวกับว่าคุณรู้ทุกอย่าง คุณเข้าใจทุกอย่าง คุณดีกว่าทุกคน และนั่นคือปัญหา นั่นเป็นสาเหตุที่นักบุญจำนวนมาก ไม่สามารถผ่านพ้นระดับที่สองไปได้พวกเขาอยู่บนนั่น และพวกเขาก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เรื่อย ๆ อาจจะเป็นระดับโลกทิพย์ แล้วขึ้นไปอีกครั้ง กลับมาโลกทิพย์ แล้วขึ้นไปอีกครั้ง สวยทั้งสองระดับ ถึงจะอยู่ในระดับโลกทิพย์ ก็สวยงามแล้ว มันงดงาม เพราะฉะนั้นเราไม่อยาก ผูกติดกับความรุ่งโรจน์ ความรุ่งโรจน์ชั่วคราวนี้ ดังนั้น อาจารย์ จึงปิดตาคุณและอุ้มคุณขึ้นไปเสมอ นั่นคงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อให้คุณขึ้นไปเร็ว เร็ว เร็ว ยิ่งสูงยิ่งดีก่อน เพราะเมื่อคุณไปยังระดับสูงขึ้น คุณก็จะสามารถลงต่ำได้เสมอ แต่เมื่อคุณลงแล้ว คุณจะขึ้นไปไม่ได้ นั่นแหละคือปัญหา เมื่อคุณอยู่ระดับชั้นที่ห้า คุณสามารถไปไปยังนรกได้ ถ้าคุณต้องการ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถลงนรก ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ มันเป็นสิทธิพิเศษ แม้โลกทั้งใบจะแตกต่าง แต่นักบุญนั้นไม่แตกต่าง ไม่ใช่ว่านักบุญทุกคนจะสามารถลงนรกได้ ถ้าคุณมีพลังเพียงพอ คุณสามารถไปที่นั่นได้ คนที่อยู่ในนรก พวกเขาเคยชินไปแล้ว ฉะนั้น... อะไรนะ? เฉพาะส่วนกลางของเหล่านักบุญ เท่านั้นที่สามารถลงนรกได้ ฉันหมายถึงการไป โดยไม่ประสบปัญหา แม้แต่ผู้ที่สูงส่งกว่า ก็ไม่สามารถลงไปได้ ถ้าสูงกว่า (ระดับ) ชั้นที่ห้า คุณก็ไม่สามารถลงไปได้ คุณไม่ควรอยู่ที่นั่น คุณทำไม่ได้ มันต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณไม่มีสิ่งของที่จะรักษาไว้ พวกเขาไม่อยากไป ที่นั่นเช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการที่จะมาที่นี่ด้วยซ้ำ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ เหนือระดับที่ห้า พวกเขาไม่เคยอยากจะลงมาเลย แม้แต่ระดับใดระดับหนึ่ง จากห้าระดับที่นี่ ใช่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงนรกหรอก ไปเพื่ออะไร? พวกเขาไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ พวกเขาโง่หรือเป็นอะไรเหรอ? พวกเขาไม่มีอะไรดีกว่าที่จะทำ ไปช้อปปิ้งในนรกเพื่อกระดูก และเศษน้ำมัน ถ่านหิน ไฟ หรืออะไร? ไม้ขีด?ใช่แล้ว สวัสดี! คุณเคยไปที่นั่นไหม? คุณเคยอยู่ในนรกไหม เอเลแกนโต? ใช่หรือไม่? ไม่ ใครจะโง่ไปที่นั่น? ดังนั้น พวกคุณอยู่ในระดับเดียวกับ มันไม่เป็นไร เขาทำมันได้แล้ว แต่ทำต่อให้จบ โอเคไหม? (ค่ะ อาจารย์) การเสริมความแข็งแกร่งย่อมดีกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ผู้บำเพ็ญบางคน จิตใจของพวกเขายังไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นแม้จะไปถึง ระดับที่สูงกว่า ก็เป็นเพราะพระพรและพระคุณ ของท่านอาจารย์ เหมือนปิดตาและมัดคุณไว้ แล้วขังคุณไว้ในท้ายรถ จากนั้นก็รูดซิป แล้วขับผ่านไป ทางศุลกากรก็ไม่เห็นอะไรเลย “โอ้ รถว่าง โอเค ไปได้เลย!” ถ้าพวกเขาเปิดท้ายรถ พวกเขาจะโยนคุณกลับไปแต่ไม่เป็นไร เมื่อคุณมาถึงที่นั่นแล้ว คุณก็วิ่งไปทั่ว ไม่มีใครจับคุณได้ทุกที่ และนี่คือเหตุผลหนึ่ง ที่คุณไม่ค่อยเห็นมากนัก คุณไม่เข้าใจมากนัก เกี่ยวกับระดับชั้น ที่คุณได้ขึ้นไป แต่ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่จิตวิญญาณของคุณ เป็นอิสระถึงระดับนั้นแล้ว คุณก็จะไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าคุณจะตายพรุ่งนี้ คุณก็มีอิสระ หากคุณอยู่ในระดับที่สอง แน่นอนว่าคุณยังคงมีอิสระหากได้รับ การประทับจิตโดยอาจารย์ที่ดี คุณยังคงมีอิสระ แต่คุณต้องทำงานหนักขึ้น ทำงานนานขึ้น และบางที คุณอาจต้องกลับมา หากคุณต้องการ คุณไม่จำเป็นต้องกลับมา คุณสามารถบำเพ็ญจากจุดนั้นขึ้นไป ขึ้นไป ขึ้นไปได้ แต่การกลับมา สู่ชีวิตมนุษย์นั้นจะบำเพ็ญได้เร็วกว่า จึงเป็นเหตุให้หลายคน อยากกลับมาอีกครั้งแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับที่สาม พวกเขาก็กลับมาในชีวิตมนุษย์ด้วย เพื่อให้ได้รับระดับที่เร็วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยขึ้นไปในภายหลัง เหมือนกับว่าถ้าพวกเขาอยู่ระดับสาม และเป็นระดับสามที่ต่ำ พวกเขาก็จะเกิดใหม่ ในชีวิตมนุษย์อีกครั้ง ในครอบครัวที่ได้รับการประทับจิต หรือไปหาอาจารย์หรืออื่น ๆ ค้นหาอย่างหนัก แล้วพวกเขาก็ทำการรับใช้บางอย่าง และบำเพ็ญ และเมื่อพวกเขาขึ้น ไปยังระดับสาม ระดับของพวกเขา ก็จะสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ ระดับล่างสุดของระดับที่สาม และพวกเขา ก็ลงมายังชีวิตมนุษย์ และพวกเขาบำเพ็ญ บำเพ็ญ พวกเขาก็ขึ้นไปยังระดับที่สูงขึ้น ของระดับที่สาม พร้อมที่จะไปยังระดับที่สี่ แล้วถ้าเขาเก่งจริง ๆ หลังจากที่เขาเกิดเป็นมนุษย์ เขาก็จะมีผลบุญที่ดี และก็จะได้รับ โบนัสพิเศษ อีกห้าระดับด้วย ดังนั้นหากพวกเขาอยู่ที่ด้านบนสุด ของระดับที่สามแล้ว และเมื่อพวกเขาตาย พวกเขาจะได้รับคะแนนพิเศษห้าแต้ม พวกเขาข้ามชายแดนไปได้ นั่นแหล่ะคือโบนัส มันทำงานแบบนั้นจริง ๆ (ว้าว!)ถ้าคุณอยู่ในระดับที่สามตลอดเวลา และคุณทำงานที่นั่นตลอดเวลา ในอาณาจักรสวรรค์ชั้นฟ้า คุณจะไม่ได้รับ โบนัสห้าแต้มนี้ ดังนั้นคุณจึงแค่ทำงานต่อไปเรื่อย ๆ การจะได้คะแนนโบนัสห้าแต้ม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พระเจ้า คุณไม่เข้าใจ ใช่แล้ว มันไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว คุณทำงานหนักเพื่อที่จะลุกขึ้นมาได้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม คุณถึงได้รับโบนัสห้าแต้ม หากคุณลงมาที่นี่ เพราะว่าที่นี่มันเป็นนรก โอ้ พระเจ้า ดังนั้น ใครก็ตาม ที่กล้าลงมาที่นี่ คุณจะได้รับโบนัสห้าแต้ม ไม่ว่าจะบำเพ็ญอย่างไรก็ตาม แต่ก็เฉพาะเมื่อคุณ มาจากระดับที่สามเท่านั้น ตั้งแต่ระดับที่สองเป็นต้นไป ไม่ คุณต้องทำงานเพื่อได้มา เหมือนคนทั่วไป (ทำงาน) แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ไม่มีโบนัส ไม่มีคอมมิชชั่นพิเศษ ไม่มีอะไรเลยแต่ตั้งแต่ระดับที่สามขึ้นไป เนื่องจากคุณเป็นอิสระแล้ว เนื่องจากคุณเป็นจิตวิญญาณที่อิสระ และคุณถูกเลือก ที่จะลงมาที่นี่ เพื่อจุดประสงค์ ในการส่งเสริมการรู้แจ้งของคุณ ดังนั้นแน่นอนว่าพระเจ้าจะมอบ โบนัสห้าแต้มให้กับคุณ เพราะคุณเป็นคนดี ไม่ขี้เกียจ ไม่ใช่อยู่แต่ในสวรรค์แล้วเพลิดเพลิน และเชื่องช้า แต่ต้องการพบพระเจ้า เร็วขึ้น – ดังนั้นจึงโอเค โอเค ด้วยเหตุนี้ คุณได้เพิ่มอีกห้า “ดอลลาร์”และถ้าคุณ อยู่ในระดับที่สี่ และคุณต้องการความรวดเร็ว ดังนั้นคุณจึงลงมาที่นี่ เพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ แม้จะเกิดเป็นอะไรก็ตาม เป็น (ชาว) สัตว์ เพื่อปลอบโยนมนุษย์ ปลอบโยนผู้สูงอายุ หรือเป็นมนุษย์ และทำสิ่งดี ๆ และบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิม จากนั้นเมื่อคุณขึ้นสวรรค์ คุณก็มีสิบคะแนน (โอ้) ใช่ พิเศษ นั่นเป็นรางวัลพิเศษ นอกเหนือจาก สิ่งที่คุณได้รับที่นี่ ดังนั้นแม้ว่าคุณจะไปถึงจุดสูงสุด หรืออาจจะตรงกลาง ของระดับที่สี่ แต่เนื่องจาก คุณมีคะแนนพิเศษเพิ่มมาอีกสิบแต้ม เมื่อคุณตาย คุณจะไปที่ระดับที่ห้า เข้าใจมั้ย? (ครับ)หากใครก็ตามจากระดับที่ห้า ลงมา จะได้ 20 แต้ม (ว้าว!) มันแน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาละทิ้งสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่กว่า ในการลงมา เช่นเดียวกับ พวกที่ิเกิดเป็น (ชาว) วัว รับใช้มนุษย์ การเสียสละอย่างไม่มีเงื่อนไขแบบนั้น พวกเขาไม่ได้ลงมา เพราะอยากได้ 20 แต้ม พวกเขาอยากช่วยเหลือ มนุษยชาติจริง ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ดี พวกเขาลงมาและเสียสละ และเมื่อพวกเขาขึ้นสวรรค์ พวกเขาก็กลายเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ เห็นมั้ย? พวกเขารู้แจ้ง เพียง 80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นขั้นต่ำ สำหรับระดับที่ห้าฉันแค่พูดเปรียบเทียบ เพื่อให้คุณเข้าใจ ถึงระดับชั้นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าจะนับที่ 20 เปอร์เซ็นต์ สองเปอร์เซ็นต์ แต่มันเป็นแบบนั้น ระดับจะขึ้นไปอีกนิดหน่อย ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น พวกเขาเคยอยู่ที่ 80 (เปอร์เซ็นต์) พวกเขาลงมา พอพวกเขาขึ้นไป แม้ว่าพวกเขา จะไม่ได้บำเพ็ญอะไรเลย- พวกเขาเป็น (ชาว) วัว อย่างไร? พวกเขาบำเพ็ญ ธรรมวิถีกวนอิมอย่างไร? หรือพวกเขาแค่ได้รับ 20 เปอร์เซ็นต์ แค่นั้น ฉะนั้นพอพวกเขาขึ้นไป ก็จะกลายเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหากพวกเขาลงมาอีก พวกเขา ก็จะเป็นปรมาจารย์ที่สมบูรณ์แบบ ครูที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกเลือก พวกเขาก็สามารถเลือกที่จะลงมา และสอนคนไม่กี่คน ที่พวกเขามีความผูกพันด้วยได้ เขาเลือกที่จะลงมา ดังนั้นคุณจะมีครูอยู่ที่นี่ที่นั่น บางครั้งแต่คนส่วนใหญ่ ในระดับชั้นที่ห้า พวกเขาไม่อยากจะกังวลอีกต่อไป พวกเขามีมากพอจนถึงตรงนี้ กับมนุษย์ด้วยกัน เว้นแต่ว่าจะมี ความสัมพันธ์พิเศษกันจริง ๆ จากนั้น พวกเขาจึงรู้สึกสงสาร คนที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งเคยดีกับพวกเขามาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงลงมา และรับคนไม่กี่คนเหล่านั้นขึ้นไป ด้วยความกรุณา เหมือนอย่างในชีวิตมนุษย์ คุณเคยใจดี กับ (ชาว) วัว แม้ว่าคุณจะให้แค่หญ้าอร่อย ๆ และให้สิ่งดี ๆ แก่เขาก็ตาม แต่คุณเอง ก็รัก (ชาว) วัวมากเช่นกัน เขาจึงอาจจะขึ้นไป แล้วเขาจะลงมา เพื่อพาคุณขึ้นไป แม้ว่าคุณจะไม่บำเพ็ญ มากนัก แต่เขาก็จะนำคุณไปหาอาจารย์ หรือเขาจะลงมาสอนคุณเอง แล้วพาคุณขึ้นไป ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาขึ้นไปที่นั่นได้อย่างช้า ๆ แล้วขึ้นไปบนสวรรค์ แล้วคุณก็เป็นอิสระก่อน หรือพาคุณขึ้นไประดับชั้นที่ห้า ขึ้นอยู่กับว่าคุณดีแค่ไหน คุณเชื่อมั่นในตัวเขาแค่ไหน อะไรประมาณนั้น และนั่นก็คือขบวนการของมัน มันเป็นแบบนั้นตอนนี้คุณก็อยู่ในระดับที่สาม หรือที่สี่แล้ว สมมติว่าคุณตายพรุ่งนี้ สมมติว่าคุณตายและ คุณไม่พอใจกับระดับของคุณ คุณสามารถลงมาอีกครั้งได้ มันอิสระ เมื่อคุณลงมา ถึงแม้ระดับของคุณ จะลดลงเล็กน้อย แต่คุณจะไม่ลงไปนานเกินไป คุณจะขึ้นไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็ว รวดเร็ว รวดเร็ว แล้วคุณก็สามารถเลือก อาจารย์ได้ และคุณจะก้าวหน้าสูงขึ้น ไปยังระดับที่สี่หรือ แม้กระทั่งระดับที่ห้าในช่วงชีวิตนั้น ดังนั้นตอนนี้มันง่ายกว่าสำหรับคุณ เพราะคุณเป็นนักบุญ แล้วอย่ามองเขาเหล่านี้ ว่าเป็น “นก” นะ มันเป็นเพียงรูปร่างเท่านั้น แต่ในระดับชั้นที่สาม พวกเขาก็เหมือนกับเรา หรือระดับที่สอง ระดับอื่น ๆ พวกเขาก็เหมือนกับเรา งดงามกว่า รุ่งโรจน์กว่า สว่างไสวกว่า มีรัศมีไปทั่วทุกแห่งและตัวนี้ เขากำลังทำสมาธิ คุณคงเห็นแล้วว่าทำไม เจนติโน่ได้ขึ้นไปยัง ระดับชั้นที่สี่ก่อนเขา เขาเป็นตัวแรก (ชาวนก) แต่เจนติโน่ได้ขึ้นไปก่อนหน้าเขาแล้ว เจนติโน่ขึ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างเงียบ ๆ ฉันไม่ได้สังเกตเห็น แล้ววันก่อน ฉันถามเขาว่า “อ๋อ ตื่นแล้วเหรอ? โอ้ ขอโทษนะ ฉันยุ่งมาก” ฉันเพิ่งรู้ แต่ฉันยุ่งเกินไป เวลาผ่านไปพร้อมกับ สิ่งที่ต้องทำมากมายและคุณ เมื่อสองวันก่อนแล้ว ตอนนี้คุณรู้สึกดีแล้วหรือยัง? (ครับ ท่านอาจารย์) คุณทำสมาธิได้ดีหรือเปล่า? (ดีครับ ใช่ ตอนนี้กำลังดิ้นรน อยู่นิดหน่อยครับ) คุณกำลังดิ้นรนอยู่ใช่ไหม? (วันสุดท้ายครับ) เหรอ? (ครับ) ทำไมคุณถึงต้องดิ้นรน? (ผมไม่แน่ใจครับ) ใช่แล้ว คุณแค่อยู่ตรงชายแดน นั่นคือเหตุผล (ครับ) คุณยังยืนอยู่ตรงนั่น “ผมควรขึ้นไปมั้ยครับ? ผมควรอยู่ต่อไหม?” “เมื่อคุณได้รับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณจะสูญเสียสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” นั่นคือจิต ที่กำลังดิ้นรนเมื่อต้องการก้าวไปสู่ ระดับที่สูงขึ้น เขารู้ว่า นั่นแหละ “โอ้พระเจ้า ฉันสูญเสียเขาไป แค่นั้นแหละ ฉันไม่สามารถบอกให้เขาทำในสิ่ง ที่ฉันต้องการได้อีกต่อไป และ ฉันไม่สามารถผลักเขาลงไปในระดับ ที่ต่ำกว่าเพื่อความสนุกได้อีกต่อไป เขากำลังจากไป เขากำลังจากไป... โอ้ เขาจากไปแล้ว!!”ใช่แล้ว มันเป็นแบบนั้น ใช่มั้ยที่รัก? ฮ่าฮ่าฮ่า... ใช่แล้ว พูดว่า “สวัสดี!” “สวัสดี!” พูดอะไรก็ได้ เร็วเข้าที่รัก สร้างความสนุกสนานแก่เราหน่อย “สวัสดี!” โอ้ เขาร้องเพลงได้ดีมาก เมื่อเขาพูดว่า “สวัสดี” เขา[ไม่ได้] แค่พูด “สวัสดี” เท่านั้น เขาพูดว่า “สวัสดี๊!” แบบนั้น ฉันพาเขาออกไปเพราะ เขาร้องเพลง และพูดตลอดเวลา และจากนั้นก็มาที่นี่ แล้วก็เงียบเฉยแบบนั้น หัวเราะนิดหน่อย คุณมีแค่นี้เองเหรอ? โธ่ คุณไม่เคยมีผู้ชม มากขนาดนี้มาก่อน น่ากลัวนิดหน่อย เขาตื่นเต้นมากPhoto Caption: เราอาจจะดูแตกต่างกัน แต่เราก็มาจากพืชชนิดเดียวกัน!